พูดถึงสุนัขตัวร้อนแล้ว หลายท่านอาจบอกว่าไม่เป็นไร เดี๊ยวไปกินหญ้า กินตะไคร้ก็หาย จริง ๆแล้วไม่เป็นอย่างนั้นเพราะสุนัขตัวร้อนอาจป่วยลุกลามรุนแรงขึ้นได้ เช่น เป็น โรคตับอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น
วิธีคลายร้อนให้สุนัข |
รู้ได้อย่างไรว่าสุนัขมีไข้
จากที่บอกแสดงว่าอุณหภูมิปกติของสุนัขนั้นสูงกว่าคน ดังนั้นเวลาเราเอามือไปจับตามหัวตามตัวและบริเวณใต้ท้องบริเวณขาหนีบนั้นเราจะรู้สึกร้อนเนื่องจากเราตัวเย็นกว่าสุนัข ทางที่ดีควรใช้ปรอทวัดไข้จะดีที่สุด แต่จะต้องวัดด้วยวิธีพิเศษ การวัดไข้สุนัขนั้นจะวัดผ่านทางทวารหนักหรือวัดที่ก้นนั่นเอง ปรอทวัดไข้ของสุนัขโดยเฉพาะนั้น เมืองไทยไม่มีขาย แต่ขอแนะนำให้ใช้ปรอทวัดไข้ของเด็กแทนเนื่องจากมีขนาดเล็กและรูปร่างค่อนข้างกลม
วิธีวัดไข้สุนัขทำได้ง่ายๆดังนี้
1. สลัดปรอทวัดไข้ให้ปรอทอยู่ข้างในลดระดับลงต่ำที่สุด สลัดซัก 2-3 ครั้ง ระวังอย่าให้ปรอทหลุดมือไป
2. ใช้มือจับหางสุนัขยกขึ้นแล้วเสียบปรอทเข้าไปในรูทวารหนักประมาณ 1-1.5 นิ้ว ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาทีแล้วชักออก
3. ใช้กระดาษทิชชู่หรือสำลีเช็ดคราบอุจจาระออกแล้วอ่านอุณหภูมิ ถ้าเกิน 103 องศาฟาเร็นไฮท์ ควรนำส่งสัตวแพทย์
ถ้าหากสุนัขมีอุณหภูมิสูงไม่มาก เรามี 4 วิธีการในการดับพิษร้อน ถอนพิษไข้สุนัขตัวโปรดดังนี้
วิธีการที่ 1 : เช็ดตัวลดไข้
ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น บิดพอสุนัขดๆ เช็ดตามตัวสุนัขโดยเฉพาะตามท้องสุนัข ทำทุกๆ 2-3 ชั่วโมงจนไข้ลด
วิธีการที่ 2 : ห่อหุ้มด้วยผ้าเย็น
ควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น ห่อหุ้มตัวไว้ สุนัขส่วนใหญ่จะรู้สึกสบายตัวขึ้นระวังอย่าใช้พัดลมโกรก เพราะจะทำให้ปอดบวมได้
วิธีการที่ 3 : เติมน้ำกินอย่าให้พร่อง
สุนัขมีไข้จะมีความเสี่ยงต่อการขาดน้ำง่าย จึงจำเป็นต้องเตรียมน้ำกินให้พร้อม บางครั้งอาจจะให้กินน้ำแข็งก้อนก็ได้ ซึ่งสุนัขบางตัวก้ชอบกินน้ำแข็ง
วิธีการที่ 4 : กินยาลดไข้
ถ้าท่านลองมา 3 ยุทธการแรกแล้ว ยังไม่สามารถดับพิษร้อน ถอนพาไข้ให้สุนัขของท่านได้แล้วล่ะก็กรณีนี้อาจจะต้องให้ยาลดไข้ แต่ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้ยาเป็นดีที่สุด ไม่ควรกินยาลดไข้จำนวนมาก หรือ ต่อเนื่องเกิน 3 วัน โดยเฉพาะแมวเป็นสัตว์แพ้ พาราเซตามอลกินแล้วถึงตายทางที่ดีปรึกษาคุณหมอดีที่สุด
1 comment:
สำหรับมือใหม่แล้ว การดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ยาก หากมีอะไรผิปกติควรพาไปหาหมอจะดีที่สุดนะ
Post a Comment